Tuesday, May 7, 2013

ยางมงคล

           บ่ายวันที่สองของการเดินทาง ผมปั่นจักรยานมาถึงปากช่องแล้ว และกำลังจะเข้าลำตะคองในอีกไม่นาน แต่จู่ๆก็รู้สึกว่าปั่นแล้วล้อมันไม่ค่อยอยากจะหมุนไปตามแรง เมื่อจอดและสอดสายตามองดูจึงรู้ว่า ยางรั่วแล้ว

           เป็นเรื่องธรรมดาของการปั่นจักรยานเดินทาง ไม่ช้าก็เร็วที่ต้องพบเจอกับปัญหานี้ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตีโพยตีพาย ก็รู้ว่ามันรั่วแล้วก็เปลี่ยน ปะ จัดการกับมันให้เรียบร้อยเพื่อให้ปั่นต่อไปได้ ก็แค่นั้น

            ผมจัดการถอดล้อ งัดยางในออกมา เอายางอะไหล่ที่เตรียมมาเปลี่ยน แต่ปรากฏว่าหัววาล์วมันใหญ่เกินรูที่ขอบล้อ จำใจต้องเอายางเส้นเดิมที่รั่วมาปะ ครั้นจะปะ กาวก็หมด ยังดีที่มีร้านปะยางอยู่ใกล้ ไปขอซื้อกาว เขาใจดีแบ่งมาให้ไม่คิดสตางค์ แถมกำชับว่า อย่าเอาไปดมนะ โถ่ พี่ ผมเหมือนเด็กติดยาหรือไง
 

           ถ่ายวิดีโอไปด้วย ปะยางไปด้วย เหงื่อหยดติ๋งๆ เด็กหญิงในร้านอาหารได้แต่นั่งมองแล้วยิ้มในท่าทางประหลาดของเรา ไม่สนใจใคร เดินทางคนเดียว ก็ต้องทำเองทุกอย่าง แบบนี้แหละ

           ใช้พื้นที่หน้าร้านอาหารปะยางจนเสร็จ เลยซื้อน้ำร้านเขาดื่มซะหน่อย จากนั้นค่อยออกเดินทางต่อ ปั่นมาได้หน่อยเดียว บังเอิญ เจอคุณลุงที่มีสัมภาระพะรุงพะรังบนจักรยานเหมือนเรา กำลังนั่งเขียนบันทึกการเดินทางอยู่ริมถนน ประหนึ่งเป็นโซฟาชั้นดี ไม่ได้กลัวรถราคันใหญ่ๆจะวิ่งมาเฉี่ยวมาชนเลย

           ผมเลยหยุดแวะทักทาย คุณลุงซะหน่อย คุยไปคุยมา เลยรู้ว่าแกก็กำลังจะปั่นไปลาว เข้าเวียดนามเหมือนกัน แถมแกเป็นคนนครพนม จังหวัดที่ผมกำลังจะเดินทางไปด้วย สัมภาษณ์คุณลุงเสร็จ พอจะเดินทางต่อปรากฏว่า ยางเริ่มแบนลงนิดหน่อย อาการนี้แสดงว่ามีการซึมออกของลมที่รอยแผลปะยาง ชัวร์

           ตอนนั้นแก้ปัญหาด้วยการเติมลมยางให้มันพอปั่นไปถึงที่จะพักค้างแรมคืนนี้ก่อน แล้วค่อยจัดการแก้ปัญหา โชคดี ปั่นไปไม่กี่กิโลเมตร ก็ถึงลำตะคอง เลยถามหาร้านปะยาง เขาบอกให้ปั่นย้อนกลับเข้าไปทางประตูวัด เวลาก็เริ่มเย็นแล้ว ปั่นได้แค่ 70 กิโลเมตรเท่านั้น เอาเหอะ ในเมื่อถึงเวลาต้องหยุดก็หยุด ถามหาร้านซ่อม หาจนเจอ แต่ช่างกลับไม่อยู่ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลยขอพระคุณเจ้ากางเต๊นท์นอนในบริเวณวัดเสียเลย เป็นการนอนวัดคืนที่สองติดกัน

           ตกค่ำ หลังจากลงไปเล่นน้ำในลำตะคอง เป็นการอาบน้ำเย็นไปในตัว กลับมาแต่งตัว เตรียมเอายางไปปะ เจ้าของร้านปะยางก็ยังไม่อยู่ เลยไปหาข้าวกิน กลับมาก็ยังไม่กลับ เมียเจ้าของร้านเลยคะยั้นคะยอลูกชายวัยรุ่นอายุประมาณ 14-15 ปี ช่วยปะยางให้เรา แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ ปะแล้วก็ยังรั่วซึม เลยแก้ปัญหาด้วยการเอาขอบล้อมาให้น้องเขาใช้สว่านคว้านรูให้มันใหญ่ขึ้นเพื่อใส่ยางอะไหล่ที่เตรียมมาได้

           เช้าวันต่อมาเตรียมออกเดินทาง รู้สึกว่ายางหลังยางอ่อนไปหน่อย จึงกลับไปร้านปะยางข้างวัดเหมือนเดิม คราวนี้เจอพี่ผู้ชายเจ้าของร้านแล้ว เติมลมเสร็จ โบกมือบ๊ายบายเตรียมเดินทางต่อ ยังไม่ทันไร เสียงตูม ดังขึ้น จนคนแถวนั้นตกใจ ยางหลังระเบิด ไม่เป็นไร ยังเหลือยางอะไหล่เส้นสุดท้าย จัดการเอาสัมภาระออกจากจักรยานแล้วเปิดกระเป๋าเอายางเส้นสุดท้ายออกมา
           ปรากฎว่านอกจากยางในที่มีปัญหา ยางนอกก็มีปัญหา ขอบยางเริ่มเสื่อม หรือนี่คือสาเหตุที่ทำให้ยางระเบิด แต่จะทำไงได้ ต้องปั่นต่อ ไว้ค่อยไปหาซื้อยางนอกมาเปลี่ยนที่หลัง ส่วนช่างแนะนำให้เอายางเก่าของพี่เขามาใช้ เพราะเขาไม่ได้ใช้แล้ว เขาห่วงว่าเราจะปั่นไปไม่ถึงไหน แต่ผมก็เกรงใจเขาจริงๆ เลยยืนยันใช้ของตัวเอง พอเติมลมเข้าไป ยางก็ระเบิด สุดท้าย ไม่เหลืออะไรเลย ยางนอกก็ใช้ไม่ได้ ยางในก็หมดเกลี้ยง จำเป็นต้องอาศัยยางของพี่เจ้าของร้านปะยางที่เขาให้ลูกชายกุลีกุจอไปหามาให้ และโชคดีที่ใช้ได้ ทั้งยางนอกยางใน ทำให้เราปั่นต่อไป พี่เขายืนยันว่าแบบนี้ไปได้อีกไกล แต่แนะนำให้เราไปหายางนอกยางในเปลี่ยนที่ สีคิ้ว

            ผมปั่นออกจากร้าน ขึ้นสู่ถนนใหญ่ด้วยความรู้สึกตื้นตัน จนอดกลั้นน้ำตาไว้ได้ อย่าหาว่าเว่อร์เลย แต่มันรู้สึกว่า สิ่งที่เขาทำให้กับเราโดยไม่ได้หวังอะไรตอบแทน ค่าบริการก็ไม่คิดซักบาท มันคือน้ำใจที่เราได้รับมาเต็มๆอก จนมันดันให้น้ำในตาของเราไหลออกมา ขอบคุณมากจริงๆครับ

            ปั่นไปจนถึง สีคิ้ว จัดการเปลี่ยนยางนอกยางใน เตรียมอะไหล่ให้พร้อม เสร็จแล้วเดินทางกลับบ้านต่อ ส่วนยางเก่าเส้นนั้น เก็บไว้เป็นอะไหล่ ไปไหนไปด้วย จากเดิมที่ไม่คิดจะพกยางอะไหล่ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ทำให้ผมรู้สึกว่ามีติดตัวไว้สักเส้นก็อุ่นใจดีเหมือนกัน โดยเฉพาะยางเส้นเก่าที่พี่เขาให้มาเส้นนี้ มันกลายเป็นของมงคล ที่มีติดท้ายจักรยานไว้แล้ว มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เผื่อเกิดปัญหา หรือพบเจอคนที่เขาต้องการใช้มัน เราก็จะได้ใหเขาได้ใช้ต่อ เป็นการส่งต่อความดี หรือที่เขาเรียกว่า pay it forward

             

No comments:

Post a Comment